รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในลูกตา ขยี้ๆ มันก็ไม่หาย ก็เอาน้ำมาล้างตา ก็ไม่หาย ไปหาหมอตาที่คลินิกหมอบอกเป็นวุ้นในตาเสื่อมมันจะเริ่มเป็นตาขวาก่อนนะคะเป็นเส้นใยบางๆ ใช้ชีวิตอยู่กับอาการนี้ประมาณ 10 กว่าปี มีอยู่วันนึงเกิดอาการเคืองตาแล้วตาข้างซ้ายเริ่มเป็นจุดดําๆ ค่ะ แล้วก็แสบตาจึงไปพบหมออีกครั้ง พบว่าตอนนี้เกิดอาการตาแห้ง อาจจะอยู่ที่เราเล่นพวกคอมพิวเตอร์ หรือเล่นมือถือเยอะเกินไป หลังจากนั้นก็ได้ ดูคลิปของ ดร.พิเชษฐ์ ค่ะ ท่านพูตรายละเอียด มีที่มาที่ไปเป็นเหตุเป็นผลมากๆ จึงเริ่มใช้ผลงานวิจัย *ปรากฏว่ารุ่งเช้า ขึ้นมาประหลาดมากตาเราชุ่มน้ำแบบไม่แห้งเลยค่ะ อาทิตย์กว่าๆ มีเพื่อนมาถามว่าอาการเป็นยังไงบ้าง จนเราลืมไปเลยว่าเคยมีอาการแสงแว็บๆ มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวเลย เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ ได้ผลรวดเร็ว มาก ตาแห้งหายสนิทเลย หลังจากนั้นเส้นใยบางๆ ค่อยๆ เลือนหาย จนแทบไม่เห็นเลยค่ะ งานวิจัยนี้ให้ชีวิตใหม่กับเรา ขอบคุณงานวิจัยชิ้นนี้ มากๆ ค่ะ (สีชมพู (ตา) เช้า 2 แคปซูล และเย็น 2 แคปซูล หมายเหตุ แนะนําเพิ่มน้ํามังคุดวันละ 1 ซอง)
ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องอยู่กับคอมพิวเตอร์ ตลอดเวลา และใช้สายตาเยอะ จนวันนึงรู้สึกว่ามีจุดดําๆ และหยากไย ลอยไปลอยมา สร้างความรําคาญให้เป็นอย่าง มาก แม้ว่าจะพักสายตา จุดดําๆ และหยากไย่ก็ยังคงอยู่ เป็นประมาณ 2 อาทิตย์อาการ เริ่มเยอะขึ้น และมีการแสบตาร่วมด้วย จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ คุณหมอบอกว่าเป็น วันตาเสื่อมถ้าทิ้งไว้นานๆ อาจทําให้เป็นจอประสาทตาเสื่อม กังวลใจอย่างมากจนได้ มาใช้ *BIM ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ จุดดําๆและหยากไยที่เคยลอยไปมา ก็ค่อยๆจางลง และลดลงเกือบหมดแทบจะไม่มีเลยทําให้สบายใจมากขึ้นว่าเราไม่มีโอกาส เสี่ยงเป็นจอประสาทตาเสื่อมแล้ว ตอนนี้มองจอคอมพิวเตอร์นานๆ หรือมองแสงจ้าๆ ก็ไม่รู้สึกแสบตาอีกเลย ปัจจุบัน สามารถมองเห็นได้ชัดขึ้น ไม่มีจุดดําๆ หรือหยากไย ลอยไปมาให้น่ารําคาญใจอีกต่อไป
ดูแลคุณแม่วัย 78 ปี ที่เป็นจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียกทั้ง 2 ข้าง แม่บอกกับเราว่ามองอะไรไม่ค่อย เห็นมันมืดๆ เลยพาแม่ไปหาหมอ คุณหมอและพยาบาลถามว่าใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง แม้แต่ตัวเลขทั้งเล็กและใหญ่ ก็ยังมองไม่เห็นเลย ตัวเราเองรู้จักกับผลงานวิจัย *อยู่แล้วจึงเริ่มให้คุณแม่ใช้งานวิจัยนี้ตั้งแต่ 6 เม.ย. ปีนี้ ร่วมกับการฉีดยาเข้าลูกตาไป 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. จนมาถึงวันที่ 16 เม.ย. แม่เดินเข้ามาจับไหล่เราแล้วพูดว่า “แม่มองเห็นหน้าหนูแล้วนะ” รู้สึกตื้นตันและคิดว่ามาถูกทางแล้ว ปัจจุบันนี้แม่มองเห็นยุง มองเห็นมด และยัง สามารถขับซาเล้งพาพ่อไปศาลเจ้าได้ด้วย (สีชมพู (ตา) เช้า 2 แคปซูล และเย็น 2 แคปซูลกับน้ํามังคุด 1 ซอง)
อาการเริ่มจากเรามองตัวเลข เช่น 1 2 3 4 5 บางครั้งมองเห็น แต่บางครั้งกลับมองไม่เห็น คิดว่าพวกหยากไยและจุดดําๆ ที่ลอยอยู่ในตามันคงไปบังไปพบหมอหมอบอกเป็นไปตามวัย และไม่มียารักษาเมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมามีอาการ คือพอเราดูทีวี ภาพมันจะนูนๆ ผิดปกติ ก็เลยรีบไปหาหมอ หมอบอกเป็นจอประสาทตาเสื่อม และบวม หมอให้ฉีดยาเข้าที่ตารู้สึกกลัวมาก แต่ก็ต้องยอมฉีด 2 เดือนต้อง ฉีด 1 เข็ม ฉีดไปทั้งหมด 3 เข็ม วันหนึ่งได้เข้ามาฟังบรรยายของ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา และตัดสินใจใช้ผลงานวิจัย *ประมาณ 2-3 สัปดาห์ จุดดําๆ หายไป ไม่เห็นหยากไย่ ไม่มีเลย พยายามมองหาก็ไม่เจอ ดูบนพื้นขาวก็ ไม่เห็น ไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้ ทําให้มั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว พอครบ 2 เดือน ผมเห็นภาพเส้นที่บิดเบี้ยวน้อยลงมาก ปัจจุบันหลังใช้ผลงานวิจัยมา 2 ปี รู้สึกตาสว่างขึ้น อ่านซับไตเติ้ลในทีวี ก็มีความคมชัดขึ้น ตอนนี้รู้สึกเบาใจมาก (สีชมพู (ตา) เช้า 2 แคปซูล และเย็น 2 แคปซูลกับ น้ํามังคุด 1 ซอง เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง ปัจจุบันลดเหลือน้ํามังคุดเพียงอย่างเดียว)
เป็นน้ำวุ้นตาเสื่อมมา 13 ปี มีหยากไย่ลอยไปลอยมาในลูกตา และมีจุดดําๆ บางครั้งก็มีฟ้าแลบนิดๆ แต่ก็ไม่มากในช่วง 13 ปีที่เป็นก็เที่ยวไปหาคุณหมอตลอด ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม 58 อาการเริ่มเป็น มากขึ้นหยากไย่ที่ลอยไปลอยมา เต็มไปหมดเลย 2 ข้าง จุดดําๆ มีเป็นสิบๆ เลย เวลาออกแดดก็สู้แสงไม่ได้แสบตาตาจะหนืดมากเหมือนตาแห้ง และมีฟ้าแลบตรงหางตาทั้งสองข้างถี่ขึ้นเผอิญได้มาเจอผลงานวิจัย ค่ะ *มาฟังบรรยายเลยตัดสินใจใช้ผลงานวิจัย ประมาณ 1 อาทิตย์หยากไย่ที่ลอยไปมาจางลงมาก และจุดดําๆที่มันเยอะมากในวันนั้น มันเหลือแค่จุดสองจุด มารู้สึกอีกที่นึง ฟ้าแลบมันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตาลิ่นไม่แห้ง ออกแดดสู้แสงได้ รู้สึกว่าประทับใจค่ะ สุขภาพตาดีขึ้นมาก จุดดําๆ นี่หายไปเลย ฟ้าแลบแปลับๆ นี้ ตั้งแต่ทานมา จนถึงบัดนี้ 2 ปี ไม่กลับมาอีกเลย (สีชมพู (ตา) เช้า 2 แคปซูล และเย็น 2 แคปซูล หมายเหตุ แนะนําเพิ่มน้ํามังคุดวันละ 1 ซอง)